การเทรด Currencies: บทนำสู่การเทรดสกุลเงิน
ด้วยถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก Currencies (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) จึงเป็นสถานที่ที่มีการเทรดสกุลเงินทุกวัน โดยมีการแลกเปลี่ยนเงินมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำไมจึงต้องเทรด Currencies
การเดินทางไปยังประเทศอื่นจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เว้นแต่คุณจะวางแผนว่าจะไม่ใช้จ่ายแม้แต่สตางค์เดียวในระหว่างการเดินทาง เพราะประเทศนั้น ๆ ก็ยอมรับเฉพาะสกุลเงินนั้น ๆ คนส่วนใหญ่จึงแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อจะได้มีเงินสดไว้ใช้สอย
แต่ธนาคาร บริษัท และสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่งนั้นใช้ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อจุดประสงค์อื่น โดยการคาดการณ์ว่าสกุลเงินใดที่มูลค่าจะเพิ่มขึ้น ก็สามารถใช้ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อสร้างผลกำไรได้แล้ว
สำหรับคนที่มีเงินสดอยู่จำนวนมาก ยังสามารถใช้ตลาดเพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินโดยการกระจายสกุลเงินที่ถือไว้ได้ด้วย ในอดีตนั้นคนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้โดยตรง แต่ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีได้สร้างความเท่าเทียม ทำให้แทบทุกคนสามารถเข้าร่วมในการเทรดสกุลเงินผ่านการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและสมาร์ทโฟนได้
มาเป็นเทรดเดอร์
สมาร์ทโฟนได้ปฏิวัติการเทรด โดยแทบทุกคนสามารถเทรดได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น การเข้าถึงตลาดเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เหมือนกับทุกสิ่ง การเทรดนั้นมีความเสี่ยงอยู่ในตัว
คำแรกที่เทรดเดอร์มือใหม่จะต้องทำความคุ้นเคยก็คือ ความผันผวน คำนี้เป็นตัวชี้วัดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมูลค่าในอนาคตของตราสารทางการเงินตัวหนึ่ง ๆ
ความผันผวนเป็นตัวกำหนดขนาดของกำไรและการขาดทุนของคุณ โดยพื้นฐานแล้ว สกุลเงินที่ผันผวนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มหรือเสียมูลค่าจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ในทางกลับกัน สกุลเงินที่มีความผันผวนต่ำนั้นค่อนข้างเสถียร ด้วยราคาที่แกว่งไปมาในจังหวะที่สม่ำเสมอ
ถ้าคุณคิดว่าการเทรดสกุลเงินนั้นเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แปรผันตรงกันแล้วละก็ คุณคิดถูกแล้ว ยิ่งการเทรดเสี่ยงมากเท่าไร ผลกำไรที่คุณอาจได้รับก็มากขึ้นเท่านั้น แต่คุณก็มีโอกาสที่จะขาดทุนในจำนวนที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับการพนัน ความเสี่ยงของการเทรดนั้นลดลงได้ด้วยประสบการณ์และทักษะ อย่างไรก็ตาม การเป็นผู้เชี่ยวชาญต้องใช้เวลานาน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการจ้างบริษัทโบรกเกอร์จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับมือใหม่
แน่นอนว่าคำแนะนำของโบรกเกอร์ก็เหมือนกับล้อพยุงที่คงไม่ติดอยู่กับจักรยานไปได้ตลอด เพราะท้ายที่สุดแล้วเทรดเดอร์เก่ง ๆ ก็จะอยากท่องโลกการเทรดโดยใช้สติปัญญาของตัวเอง และนี่คือเหตุผลว่าทำไมนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคนจึงมีคุณสมบัติเหล่านี้เหมือนกัน นั่นคือ พวกเขามีความรู้กว้างขวาง อ่านมาก ไม่โลภ และรู้ทันข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับโลกการเงินอยู่เสมอ
เคล็ดลับการเทรด
หลังจากเลือกโบรกเกอร์และดาวน์โหลดแพลตฟอร์มการเทรดลงบนอุปกรณ์ของคุณเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มใช้บริการของโบรกเกอร์ที่คุณเลือกอย่างเต็มศักยภาพ
ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่ผันผวนน้อยที่สุด ข้อดีของเรื่องนี้คือมันค่อนข้างปลอดภัยในขณะที่ข้อเสียคือกำไรที่ต่ำ แต่บริษัทโบรกเกอร์ก็หาทางแก้เรื่องนี้ได้ด้วยการใช้เลเวอเรจ
ช่วยทนกับคำศัพท์ทั้งหมดที่เราเอ่ยถึงกันหน่อย โลกการเงินชอบการตั้งชื่อยาก ๆ ให้กับแนวคิดง่าย ๆ เลเวอเรจ ( Leverage) นั้นเป็นคำที่ใช้ในวิชาฟิสิกส์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขยายกำลังโดยการใช้คันโยก อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจในทางการเงินนั้นง่ายกว่าเยอะ โดยพื้นฐานแล้ว มันก็คือเงินที่โบรกเกอร์ให้ลูกค้ายืมเพื่อให้มีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ได้กำไรหรือขาดทุนมากขึ้นตามมาด้วย
สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมว่าในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ความเสี่ยงและผลตอบแทนนั้นแปรผันตรงกัน ดังนั้นในขณะที่มีการขยายกำไรของคุณให้มากขึ้นถ้าคุณใช้เงินยืม การขาดทุนของคุณก็ถูกขยายมากขึ้นเท่ากันหากการลงทุนของคุณล้มเหลว
การยืมเงินจากโบรกเกอร์ของคุณเพื่อเพิ่มจำนวนเงินทุนของคุณเรียกว่า การเทรดด้วยมาร์จิ้น (Margin Trading) ในการลงทุนด้วยมาร์จิ้น เทรดเดอร์จะต้องมีเงินขั้นต่ำในบัญชี เนื่องจากกำไรและการขาดทุนที่ขยายเพิ่มขึ้นของการเทรดด้วยมาร์จิ้น มีบางครั้งที่จำนวนเงินในบัญชีของเทรดเดอร์ไม่เพียงพอที่จะทำการเทรดด้วยมาร์จิ้นต่อไป ในกรณีเหล่านี้ โบรกเกอร์จะออก Margin Call ซึ่งตามหลักก็คือต้องการให้ฝากเงินเพิ่ม และที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อให้บัญชีของเทรดเดอร์นั้นมีเงินถึงหลักประกันรักษาสภาพขั้นต่ำ
การเทรดสกุลเงินเป็นโอกาสที่มาพร้อมความรับผิดชอบ ภายใต้เงาของเทรดเดอร์ทุกคนที่ประสบความสำเร็จนั้นคือคนที่มีบัญชีเป็นสีแดง บริษัทโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีเครือข่ายข้อมูลที่ทันสมัยและการอ่านแนวโน้มล่าสุดได้อย่างทะลุปรุโปร่งนั้นอาจเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างผลกำไรมหาศาลกับการขาดทุนจนหมดตัวได้
การตัดสินใจเทรดโดยที่ไม่มีการค้นคว้าวิจัยและเทคนิคหนุนหลังนั้นมีโอกาสล้มเหลวได้ มีเหตุผลอยู่ว่าทำไมเราจึงเรียกว่า เทรดเดอร์ และไม่เรียกว่า นักพนัน เพราะแม้ประสบการณ์จะเป็นครูที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน แต่ก็เป็นพี่เลี้ยงที่โหดที่สุดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังต้องรู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ของเหล่าผู้ผ่านศึกและหลีกเลี่ยงหลุมพรางที่คุณอาจจะตกลงไปได้ นี่คือที่ซึ่งบริษัทโบรกเกอร์เข้ามามีบทบาท
หากคุณมาไกลจนถึงหลักสูตรการแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบเร่งรัดนี้ อาจดูเหมือนวงการนี้มีงานอะไรให้ทำเยอะจนน่ากลัว แต่โอกาสแบบนี้ก็มักมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอ
การแลกเปลี่ยนสกุลเงินไม่ใช่วิธีที่จะประสบความสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน การจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องผ่านเส้นทางที่ยากลำบาก
ช้อมูลจาก
https://www.ploynaka.com/detail/170